วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Learning media 4

วันที่ 29 สิงหาคม 2561




Learning media 4







วันนี้ก่อนเข้าสู่บทเรียนอาจารย์ได้พูดและอธิบายถึงเรื่อง การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย  และความหมายลักลัษณะพัฒนาการ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปตามลำดับขั้นตอนอย่างต่อเนื่องตามขั้นบันได ความสามารถของเด็กที่แสดงออกในแต่ละช่วงอายุ) เพื่อนำไปจัดประสบการณ์ให้เหมาะกับช่วงอายุของเด็กปฐมวัย และอาจารย์ได้กล่าวถึงทฤษฎี ของเพียเจย์ บรุนเนอร์ มาสโลว์ 
 โควเบริกดังนี้

พัฒนาการทางสติปัญญาของบุคคลเป็นไปตามวัยต่าง ๆ เป็นลำดับขั้น ดังนี้
  1. ขั้นประสาทรับรู้และการเคลื่อนไหว (Sensori-Motor Stage) ขั้นนี้เริ่มตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 2 ปี พฤติกรรมของเด็กในวัยนี้ขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวเป็นส่วนใหญ่ เช่น การไขว่คว้า การเคลื่อนไหว การมอง การดู ในวัยนี้เด็กแสดงออกทางด้านร่างกายให้เห็นว่ามีสติปัญญาด้วยการกระทำ เด็กสามารถแก้ปัญหาได้ แม้ว่าจะไม่สามารถอธิบายได้ด้วยคำพูด เด็กจะต้องมีโอกาสที่จะปะทะกับสิ่งแวดล้อมด้วยตนเอง ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพัฒนาการด้านสติปัญญาและความคิดในขั้นนี้ มีความคิดความเข้าใจของเด็กจะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
  2. ขั้นก่อนปฏิบัติการคิด (Preoperational Stage) ขั้นนี้เริ่มตั้งแต่อายุ 2-7 ปี แบ่งออกเป็นขั้นย่อยอีก 2 ขั้น คือ
    -- ขั้นก่อนเกิดสังกัป (Preconceptual Thought) เป็นขั้นพัฒนาการของเด็กอายุ 2-4 ปี เป็นช่วงที่เด็กเริ่มมีเหตุผลเบื้องต้น สามารถจะโยงความสัมพันธ์ระหว่างเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ หรือมากกว่ามาเป็นเหตุผลเกี่ยวโยงซึ่งกันและกัน แต่เหตุผลของเด็กวัยนี้ยังมีขอบเขตจำกัดอยู่ เพราะเด็กยังคงยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง
    -- ขั้นการคิดแบบญาณหยั่งรู้ นึกออกเองโดยไม่ใช้เหตุผล (Intuitive Thought) เป็นขั้นพัฒนาการของเด็ก อายุ 4-7 ปี ขั้นนี้เด็กจะเกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ รวมตัวดีขึ้น รู้จักแยกประเภทและแยกชิ้นส่วนของวัตถุ เข้าใจความหมายของจำนวนเลข เริ่มมีพัฒนาการเกี่ยวกับการอนุรักษ์ แต่ไม่แจ่มชัดนัก สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้
  3. ขั้นปฏิบัติการคิดด้านรูปธรรม (Concrete Operation Stage) ขั้นนี้จะเริ่มจากอายุ 7-11 ปี พัฒนาการทางด้านสติปัญญาและความคิดของเด็กวัยนี้สามารถสร้างกฎเกณฑ์และตั้งเกณฑ์ในการแบ่งสิ่งแวดล้อมออกเป็นหมวดหมู่ได้ เด็กวัยนี้สามารถที่จะเข้าใจเหตุผล รู้จักการแก้ปัญหาสิ่งต่างๆ ที่เป็นรูปธรรมได้
  4. ขั้นปฏิบัติการคิดด้วยนามธรรม (Formal Operational Stage) นี้จะเริ่มจากอายุ 11-15 ปี ในขั้นนี้พัฒนาการทางสติปัญญาและความคิดของเด็กวัยนี้เป็นขั้นสุดยอด คือเด็กในวัยนี้จะเริ่มคิดแบบผู้ใหญ่ ความคิดแบบเด็กจะสิ้นสุดลง

ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของบรุนเนอร์

  1. ขั้นการเรียนรู้จากการกระทำ (Enactive Stage) คือ ขั้นของการเรียนรู้จากการใช้ประสาทสัมผัสรับรู้สิ่งต่าง ๆ การลงมือกระทำช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้ดี การเรียนรู้เกิดจากการกระทำ
  2. ขั้นการเรียนรู้จากความคิด (Iconic Stage) เป็นขั้นที่เด็กสามารถสร้างมโนภาพในใจได้ และสามารถเรียนรู้จากภาพแทนของจริงได้
  3. ขั้นการเรียนรู้สัญลักษณ์และนามธรรม (Symbolic Stage) เป็นขั้นการเรียนรู้สิ่งที่ซับซ้อนและเป็นนามธรรมได้    

ทฤษฎีความต้องการตามลำดับขั้นของมาสโลว์(Hierarchy of Needs)

1.ความต้องการทางสรีระ(Physiological Needs)
2. ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย (Safety Needs
3.ความต้องการความรักและเป็นส่วนหนึ่งของหมู่คณะ (Love and belonging Needs
4. ความต้องการที่จะรู้สึกว่าตนเองมีค่า (Esteem Needs)
5. ความต้องการที่จะรู้จักตนเองตามสภาพที่แท้จริง และพัฒนาศักยภาพของตน (Self-Actualization Needs)

ทฤษฏีพัฒนาจริยธรรมของโคลเบิร์ก

แนวคิดของโคลเบิร์ก (Kolberg) ใกล้คียงกับเพียเจต์ ( Piaget) คือเชื่อว่าพัฒนาการทางจริยธรรมของมนุษย์พัฒนาการได้ตามวัย และวุฒิภาวะทางสติปัญญา พัฒนาการทางจริยธรรมของมนุษย์ไม่ใช่การป้อนรูปแบบ กล่าวคือดูรูปหนึ่งจบแล้ว ดูอีกรูปหนึ่งโดยที่รูปแรกไม่ปรากฏในสายตาอีกต่อไป แต่พัฒนาการของมนุษย์จะค่อยๆพัฒนาไปตามวัน เวลา เจริญขึ้นเรื่อย ๆ


วิทยาศาสตร์  

วิทยาศาสตร์ หมายถึงสิ่งต่างที่อยู่รอบตัวเรา ที่สามารถนำมาเรียนรู้และประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของเรา
ความสำคัญของวิทยาศาสตร์
ได้แก่  การใช้เทคโนโลยีต่างๆ ใช้สร้างเครื่องมือทางการแพทย์    การเพาะปลูกขยายพันธุ์   และส่งผลต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
              เป็นทักษะที่ส่งเสริมให้เด็กสามารถคิดหาเหตุผล  แสวงหาความรู้   แก้ไขปัญหาได้ตามวัยของเด็ก   ผู้สอนควรจัดกิจกรรมที่ให้เด็กได้ลงมือกระทำตามสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเด็ก

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย   มี  6 ทักษะ  ดังนี้
1.ทักษะการสังเกต  (Observation)
        เป็นการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 โดยตรงกับวัตถุ  เพื่อมีจุดประสงค์ที่จะหาข้อมูลในรายละเอียดนั้นๆ
เช่น  การสังเกตรูปร่างทั่วไป
2.ทักษะการจำแนกประเภท  (Classifying)
        เป็นความสามารถในการแบ่งประเภทของสิ่งของโดยใช้เกณฑ์ (Criteria)
เช่น   ความเหมือน  (หมวกที่มีสีเหมือนกัน)    ความแตกต่าง (กล่องใบใหญ่-กล่องใบเล็ก)  ความสัมพันธ์ร่วม (รูปภาพรถ-ถนน)
3.ทักษะการวัด ( Measurement)
         เป็นการใช้เครื่องมือต่างๆ เพื่อวัดหาปณิมาณในสิ่งที่เราต้องการทราบ  
เช่น  รู้จักกับสิ่งของที่จะวัดเป็นอย่างไร   การเลือกเครื่องมือมาวัด    วิธีการการวัด
4.ทักษะการสื่อความหมาย  (Communication)
         เป็นการพูด  การเขียน  การสร้างรูปภาพและภาษาท่าทาง  การแสดงสีหน้า เพื่อให้รับข้อมูลได้อย่างถูกต้อง  เช่น ต้องรู้จักลักษณะคุณสมบัติวัตถุ   บันทึกการเปลี่ยนแปลง    การบอกความสัมพันธ์ของข้อมูลที่จัดทำได้   การจัดทำข้อมูลในรูปแบบต่างๆ  
5.ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล   (Interring)
         เป็นการเพิ่มเติมความคิดเห็นให้กับข้อมูลที่มีอยู่อย่างมีเหตุผล โดยอาศัยความรู้หรือประสบการณ์ต่างๆ  เช่น  การหาข้อสรุปเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ   การสรุปความสัมพันธ์สิ่งของต่างๆ   การสังเกตการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆรอบตัว
6.ทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับเวลา  (Space)
          เป็นการเรียนรู้ใน  1 มิติ  2 มิติ  3 มิติ  การเขียนภาพ 2 มิติแทนรูป 3 มิติ  และการบอกทิศทาง
 เช่น  การบอกความสัมพันธ์ระหว่างทิศทางกับวัตถุ   การบอกตำแหน่งซ้าย-ขวา
การสังเกตภาพ 2 มิติ  3 มิติ
7.ทักษะการคำนวณ   (Calculation)
          เป็นความสามารถในการนับจำนวนของวัตถุต่างๆ  การบวก ลบ คูณ หาร  ความยาว ความสูง
เช่น  การคำนวณรายรับ-รายจ่าย   การคำนวณความยาวของรองเท้า

ทำไมต้องสอนวิทยาศาสตร์
         1.มาตราฐานการศึกษาระดับการศึกษาปฐมวัย   ได้แก่ มีความสามารถในการคิดวิเคาระห์  สังเคราะห์ วิจารณญาณและมีความคิดสร้างสรรค์
         2.หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย 2561
         3.การนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน

สมองกับวิทยาศาสตร์                                                 


         1.การตีความข้อมูล  
         2.การเชื่อมโยงความจริงเข้าหากัน
         3.การประเมินคุณค่า
         4.การจำแนกองค์ประกอบ

คุณสมบัติที่เอื้อตต่อทักาะกระบวนการวิทยาศาสตร์
         1.การเข้าใจในสิ่งที่วิเคราะห์
         2.การสังเกตและตั้งคำถาม  5W1H
         3.การมีความสามารถในการลงความเห็น                                
         4.การหาความสัมพันธ์เชิงเหตุผล

องค์ประกอบการคิดทางวิทยาศาสตร์
        1.สิ่งที่กำหนดให้    เช่น  การสังเกต การจำแนก
        2.หลักการและเกณฑ์การจำแนก   คือ ความสัมพันธ์กันในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
        3.การค้นหาความจริง  คือ การรวบรวมประเด็นเพื่อนำมาสรุป

ความสามรถในการลงความเห็นจากข้อมูล  (คำถาม)
        การค้นหาคำตอบได้   เช่น  อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ฝนตก  

กระบวนการคิดทางวิทยาศาสตร์
         1.การกำหนดสิ่งที่ศึกษา
         2.การกำหนดปัญหาหรือวัตถุประสงค์
         3.การกำหนดหลักเกณฑ์
         4.การสรุปผล




บรรยากาศในการเรียน





Assessment (การประเมิน)


-ตนเอง  เข้าเรียนตรงเวลา จดรายละเอียดของแต่ละงาน ที่อาจารย์อธิบาย
-อาจารย์  แจกแจงงานแต่ละงานได้อย่างครอบคลุม และละเอียด
-เพื่อน     ตั้งใจฟังแต่มีคุยกันบ้าง
-บรรยากาศ  ห้องเรียนเย็นสบาย เหมาะแก่การเรียน




วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Learning media 3

22 สิงหาคม 2561


 Learning media 3










อาจารย์พูดคุยและร่วมแสดงความคิดเห็นและการวางแผนที่จะไปสวนสัตว์เขาดิน และอาจารย์ได้
อธิบายเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ในเขาดิน  และอาจารย์ได้ให้ออกแบบกิจกรรมที่สามรถบูรณาการได้
หลากหลายวิชา โดยให้เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย เพื่อพัฒนาทักษะทั้ง 4 ด้าน คือ  การฟัง   การพูด  การอ่าน  การเขียน   



กลุ่มดิฉันได้ทำการทดลองวิทยาศาสตร์ และกิจกรรมที่จัดให้กับเด็กมีชื่อฐานได้แก่

  • ฐานผจญภัยอะไรเอ่ย 
  • ฐานอย่าลืมเล่าสู่กันฟัง
  • ฐานรอยเท้าของใครเอ่ย
  • ฐานเติมภาพสร้างสรรค์



Assessment (การประเมิน)


ตนเอง  เข้าเรียนตรงเวลา ทำงานที่ได้รับมอบหมายในเวลาที่กำหนด

อาจารย์  มีการแทรกความรู้ ความสนุกต่างๆในการเรียนการสอน

บรรยากาศ  ทุกคนให้ความร่วมมือในกิจกรรมที่ทำ


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เส้นกั้นคอมเมนท์น่ารัก


วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Article  








สรุปบทความ


เรื่อง วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย

         เด็กเล็กๆมีธรรมชาติที่เป็นผู้ความอยากรู้อยากเห็น ชอบใช้คำถามว่า ทำไม อย่างไร สามารถแสวงหาความรู้จากสิ่งต่างๆรอบตัว และเริ่มเข้าใจสภาพแวดล้อมที่อาศัยอยู่ เด็กสามารถสังเกตและสื่อสารเกี่ยวเรื่องดิน หิน อากาศและท้องฟ้า เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุ พลังงานจากแม่เหล็ก แสงและเสียง เด็กสามารถสำรวจลักษณะของน้ำและความร้อน สิ่งเหล่านี้ทำให้เด็กปฐมวัยเริ่มการทำงานทางวิทยาศาสตร์ เด็กสามารถแก้ปัญหาต่างๆโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการเรียนรู้เรื่องอื่นๆได้มากมาย 
         กิจกรรมวิทยาศาสตร์ส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญาโดยทำให้เด็กได้รับความรู้ พัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เช่น การสังเกต การจำแนกประเภท การเรียงลำดับ การวัด การคาดคะแน และการสื่อสาร รวมทั้งทักษะการแสวงหาความรู้ กิจกรรมวิทยาศาสตร์ทำให้เด็กสนใจวัตถุและเหตุการณ์ เด็กเล็กมีวิธีการเรียนรู้คล้ายนักวิทยาศาสตร์สามารถทำงานด้วยทักษะการแสวงหาความรู้ กิจกรรมวิทยาศาสตร์ส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และพัฒนาการทางอารมณ์ เช่น เด็กมีความรู้สึกและเจตคติทางบวก 

          กิจกรรมวิทยาศาสตร์ในห้องเรียนเด็กปฐมวัยมีความสำคัญหลายประการดังนี้
1.ส่งเสริมการเห็นคุณค่าของตนเองและมีความกระตือรือร้น (คือเครื่องมือสำคัญในการเรียนรู้)
2.ส่งเสริมการทำงานรายบุคคลและการคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาของเด็ก 
3.เพื่อเป็นการช่วยอธิบายความเข้าใจด้วยตัวเองของเด็ก
4.ดูแลเอาใจใส่ต่อพฤติกรรมของเด็กที่ปรากฎ เช่น การแสดงความกังวลใจ เด็กที่เกิดความเบื่อ
5.กิจกรรมการค้นพบช่วยให้ผู้เรียนสนใจใฝ่รู้ อยากสืบค้นต่อไป
6.ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพทางสติปัญญาของเด็กจากการเรียนรู้ที่เด็กได้สัมผัสกับวัสดุอุปกรณ์ ทำให้เด็กมีแรงจูงใจในการทำกิจกรรมที่มีความยากขึ้น เด็กได้เรียนรู้ภาษาและเนื้อหาสาระแบบบูรณาการ เช่น วิธีการได้รับประสบการณ์ทางภาษาแบบธรรมชาติต่อการอ่าน วิธีการสอนแบบโครงการต่อการพัฒนาหลักสูตร การใช้ประสาทสัมผัส และการใช้กล้ามเนื้ออย่างเหมาะสมกับวัย


Thai Teacher TV  


สรุปวิดีโอการสอน

เรื่อง ผลไม้แสนสนุก

โดย ครูไพพร ถิ่นทิพย์


           ผลไม้แสนสนุก  เป็นการสอนกิจกรรมสำหรับเด็กอนุบาล โดยในวิดีโอนี้จะใช้วิธีพาเด็กไปศึกษาจากสถานที่จริง ก็คือการไปศึกษาเรื่องผลไม้ ที่ตลาด โดยจะใช้การบูรณาการกิจกรรมต่างๆ เข้าไปในกิจกรรมครั้งนี้ จะบูรณาการเข้ากับวิทยาศาสตร์ จะทำให้เด็กได้คิด ได้สังเกต ได้ลองชิม ได้สัมผัสกับผลไม้ของจริง ซึ่งจะทำให้เด็กได้รับประสบการณ์ตรงโดยผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือ ใช้ตา ในการมอง การสังเกต , ใช้มือ ในการสัมผัสผิวของผลไม้แต่ละชนิด , ใช้จมูก ในการดมกลิ่น , ใช้หู ในการแยกเสียง , ใช้ลิ้น เพื่อรับรู้รสชาติ ความแตกต่างของผลไม้แต่ละชนิด   

Research


  สรุปวิจัย




เรื่อง การจัดการเรียนรู้แบบเด็กนักวิจัยที่มีผลต่อความรู้ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของเด็กปฐมวัย

ปริญญานิพนธ์   มยุรี ศรีทอง

เสนอต่อบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มีนาคม 2554


          จุดมุ่งหมายของการวิจัย  

      ในการวิจัยครั้งนี้ เพื่อศึกษาผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเด็กนักวิจัยที่มีต่อความรู้ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของเด็กปฐมวัย โดยแยกเป็นจุดมุ่งหมายเฉพาะดังนี้
 1. เพื่อศึกษาระดับของความรู้ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของเด็กปฐมวัยโดยรวมและจำแนกรายด้านที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบเด็กนักวิจัย 
2. เพื่อเปรียบเทียบความรู้ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้แบบเด็กนักวิจัย 

          ความสำคัญ

      การศึกษาครั้งนี้จะเป็นแนวทางสำหรับครูและผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัยในการที่จะจัดรูปแบบการเรียนการสอนโดยการนำรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบเด็กนักวิจัยซึ่งเป็นรูปแบบที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม เพื่อสามารถนำมาพัฒนาความรู้ ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของเด็กปฐมวัย รวมทั้งการพัฒนาความรู้ด้านอื่นๆของเด็กปฐมวัยต่อไป

          ขอบเขตการวิจัย

ประชากร เด็กปฐมวัย ชาย - หญิง อายุ 5 - 6 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาลปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2553 โรงเรียนหงสประภาสประสิทธิ์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 2 ซึ่งมี 2 ห้องเรียน จำนวน 70 คน
กลุ่มตัวอย่าง เด็กปฐมวัย ชาย - หญิง อายุ 5 - 6 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาลปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2553 โรงเรียนหงสประภาสประสิทธิ์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยาเขต 2 ซึ่งได้มาโดยการสุ่มอย่างง่ายด้วยการจับฉลาก 1 ห้องเรียน จากจำนวน 2 ห้อง แล้วทำการจับสลากนักเรียนจำนวน 20 คน เพื่อกำหนดเป็นกลุ่มทดลอง

           ตัวแปรที่ศึกษา

      1. ตัวแปรอิสระ  การจัดการเรียนรู้แบบเด็กนักวิจัย
      2. ตัวแปรตาม  ความรู้ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

           ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง

       การศึกษาในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ทำการทดลองในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2552 ทำการทดลองเป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 5 วัน วันละ 45 นาที กลุ่มตัวอย่างได้รับการทดลองทั้งสิ้น 40 ครั้ง ตามแบบการจัดการเรียนรู้แบบเด็กนักวิจัย


- แผนการสอนสัปดาห์ที่1 วันจันทร์


- แผนผังแสดงภาพรวมการจัดการเรียนรู้แบบเด็กนักวิจัย


- ตัวอย่างแบบทดสอบ


- ภาพการจัดการเรียนรู้แบบเด็กนักวิจัย



วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Learning media 2


วันที่ 15 สิงหาคม 2561




Learning media 2






 วันนี้อาจารย์ได้ให้นักศึกษาทำงานกลุ่ม โดยทำ Mild Mapping เกี่ยวกับสวนสัตว์ดุสิต หรือสวนสัตว์เขาดินนั้นไง โดยอาจารย์ให้นักศึกษาช่วยกันคิดว่า ในสวนสัตว์นั้นมีอะไรบ้างที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์

 


1. เขาดินมีอะไรบ้างทางวิทยาศาสตร์
วงจรชีวิตสัตว์
-ชื่อเฉพาะทางวิทยาศาสตร์
-พืช
-กังหันลม ในทางวิทยาศาสตร์
-แหล่งที่อยู่อาศัยที่แตกต่างกัน เช่นสัตว์หากินในกลางคืนและกลางวัน
-การดองเพื่อคงสภาพไว้ศึกษา
-อาหาร การจัดอาหารให้ตรงประเภท เช่น สัตว์กินเนื้อ กินพืช
-สภาพดิน
-พันธุ์ไม้ในเขาดิน
-เสียงร้องของสัต์แต่ละชนิด
-ไก่เป็นสิ่งมีชีวิตที่หลายสายพันธ์ุ

2. เขาดินเป็นสวนสัตว์ประเภทชีวภาพ

3. ถ้าพาเด็กไปจัดกิจกรรมจะเตรียมอะไรไปบ้าง
-กระดาษให้เด็กวาดรูป
-การพูดคุยและโต้ตอบกับเด็ก

4. ถ้าไปเขาดินจะถามเจ้าหน้าที่ว่าอะไรบ้าง
-การดูแลสัตว์มีวิธีการดูแลอย่างไร
-การฝึกแมวน้ำ ฝึกอย่างไร
-การดูแลรักษาสัตว์ที่ป่วยดูแลอย่างไร
-สัตว์ที่หายากบางชนิดจะมีวิธีการผสมพันธุ์อย่างไร

vocabulary

1. Zoo  สวนสัตว์
2. Location  ที่ตั้ง
3. Bear  หมี
4. Crocodile  จระเข้
5. Place  สถานที่
6. Activities  กิจกรรม
7. Tree  ต้นไม้
8. Nature  ธรรมชาติ
9. Food อาหาร
10. Animal สัตว์


ประเมินตนเอง  : ได้ศึกษาค้นคว้าด้วยตนองและได้เรียนรู้ในเรื่องสวนสัตว์
ประเมินเพื่อน    :เพื่อนตั้งใจทำงานที่อาจาย์มอบหมาย
ประเมินอาจารย์ : อธิบายได้เข้าใจดีค่ะ
                                                           
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เส้นกั้นคอมเมนท์น่ารัก

Learning media 1

วันที่ 8 สิงหาคม 2561





                                             Learning media 1


                                  



วันนี้เป็นวันแรกที่ได้เข้าเรียนวันนี้อาจารย์แนะนำเกี่ยวกับวิชา การจัดประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์
สำหรับเด็กปฐมวัย และได่พูดคุยกับนักศึกษาเรื่องข้อตกลงต่างๆในวิชาการเรียน และหลังจากที่ได้
พูดคุยกับนักศึกษาเสร็จแล้วอาจารย์ได้มอบหมายงานให้นักศึกษาไปทำคือ 

-สร้างบล้อครายวิชาการจัดประสบการน์ทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
-ค้นคว้าหาหนังสือวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องเด็กปฐมวัย




ห้องสมุดมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม



หนังสือวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเด็ก


 ชื่อเรื่อง: เปิดโลกแมลงปอ
ผู้เขียน : พิสุทธิ์ เอกอำอวย


 เนื้อหาภายหนังสือ







ประเมินตนเอง  : ได้ศึกษาค้นคว้าด้วยตนอง
ประเมินเพื่อน    :เพื่อนตั้งจทำงานที่อาจาย์มอบหมาย
ประเมินอาจารย์ : อธิบายได้เข้าใจดีค่ะ



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เส้นกั้นคอมเมนท์น่ารัก

วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2561





🌟 PROFILE 





Name : Intira 


Nickname : Mueksee


Birth Date : 3th February 1997


Domicile : Buri Ram


Country : Thailand


Favorite Sport Swimming


Favorite Food :  Spaghetti


Education : Hight school  Lahansairatchadapisek School 

                     Bachelor's  degree  Early Childhood, Faculty of Education, Chandrakasem University